ขอเชิญพุทธศาสนิกชน และท่านที่มีจิตศรัทธาทุกท่าน ร่วมกันสร้างพระสีวลี เนื่องจากมีหลายวัดติดต่อเข้ามา ว่าต้องการเป็นพระพุทธรูปแบบพระสีวลี ในรอบนี้ ทางกองทุนสร้างพระประธาน และพระไตรปิฎกถวายวัดที่ขาดแคลน จึงขอตั้งเป็นโครงการ "สร้างพระสีวลี" โดยจะมีความสูง 1.70 - 2.50 เมตร จะจัดสร้างในราคาองค์ละ 59,900-99,900 บาท
ราคาพระสีวลี เนื้อทองเหลือง แบบเทหล่อทั้งองค์
- 1 ขนาดความสูง 1.70 เมตร องค์ละ 69,900 บาท
- ขนาดความสูง 2.10 เมตร องค์ละ 89,900 บาท
- ขนาดความสูง 2.50 เมตร องค์ละ 119,900 บาท
ราคาพระสีวลี เนื้อทองเหลือง แบบประกอบ
- ขนาดความสูง 1.70 เมตร องค์ ละ 25,900 บาท
- ขนาดความสูง 2.10 เมตร องค์ ละ 41,900 บาท
- ขนาดความสูง 2.50 เมตร องค์ ละ 59,900 บาท
* หมายเหตุ..พระสิวลีแบบประกอบและแบบเทหล่อ องค์พระทำมาจากเนื้อทองเหลืองเหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันที่ น้ำหนัก ความสวยงาม และวิธีการในทำ แบบเทหล่อ องค์พระจะมีน้ำหนักมากกว่า สวยงามกว่า และมีขั้นตอนในการทำที่หลายขั้นตอน
ท่านที่สนใจเป็นเจ้าภาพสร้างทั้งองค์ หรือร่วมทำบุญตามกำลังทรัพย์และกำลังศรัทธาของท่าน ทางกองทุนฯ จัดเทหล่อพระสีวลีทุกเดือน ตามจำนวนเจ้าภาพที่สั่งจอง
ติดต่อสอบถามรายละเอียด โทร.089-550-9777 , line id : sarakuntho หรือโอนเงินร่วมทำบุญได้ตามบัญชีธนาคารข้างล่างครับ และแจ้งการโอนเงินโดยส่ง sms ไปที่เบอร์โทรข้างต้น หรืออีเมล์ sarakuntho@gmail.com ครับ
ธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
ชื่อบัญชี "กองทุนจัดสร้างพระประธาน"
405 - 816888 - 0
รายชื่อผู้ร่วมทำบุญ
สร้างพระสีวลี
วันที่ | รายชื่อ | จำนวน |
นายบุญมี นางวิมล น.ส.คนธิชา และนายพีรพงษ์ เติมมงคลชัย | 100.00 | |
นายวิรวัฒน์ ญาณวุฒิ | 300.00 | |
คุณณัฏฐชญาดาราชวัง | 300.00 | |
4/03/2558 | ผู้มีจิตศรัทธาและครอบครัว | 400.00 |
23/03/2558 | คุณปวริศร์ พวงศรีฐิติ | 100.00 |
5/04/2558 | นายกมล ไชยสิทธิ์ | 100.00 |
5/04/2558 | นายกนกพงษ์ ม่วงศรี | 100.00 |
วิลาวัณย์ เกิดภักดี สร้างพระสีวลี สูง ๒.๕๐ เมตร ๑ องค์ |
40,000.00 | |
คุณ Piit | 100.00 | |
ครอบครัวองอาจพสุ | 100.00 | |
ประวัติความเป็นมาของพระสีวลี
พระสีวลี เป็นพระอรหันต์แห่งโชคลาภ เพราะในสมัยที่ท่านยังอยู่ในครรภ์มารดา คือ พระนางสุปฺปวาสา ผู้เป็นราชบุตรีของเจ้าเมืองโกลิยะ ท่านอาศัยอยู่ในครรภ์มารดานั้นนานถึง 7 ปี กับอีก 7 วัน เพื่อชดใช้กรรมเก่าจากการที่ในชาติก่อนนั้น
ซึ่งครั้งนั้น พระองค์ทรงเป็นพระราชาในเมืองแห่งหนึ่ง ทรงมีอุบายร่วมกับพระมารดา พยายามจะแย่งชิงเมืองอีกเมืองมาเป็นของตน แต่ไม่ใช้กำลังเข้าห้ำหั่น อาศัยกลยุทธ์เข้าล้อมเมืองนั้น ทำให้เมืองนั้นขาดการติดต่อจากโลกภายนอก ชาวเมืองล้วนประสบโรคภัยไข้เจ็บ เผชิญกับการขาดแคลนอาหาร ดำรงชีวิตอยู่ด้วยคงวามทุกขเวทนา ด้วยความทุกข์เวทนามากว่า 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ผลจากกรรมนั้น จึงส่งผลมาดังกล่าวแก่ท่าน ให้ท่านนั้นต้องทนอุดอู้อยู่ในครรภ์มารดานั้น
แต่ด้วยด้วยอำนาจบุรพกรรมตามมา ได้ทำให้เกิดโชคลาภแก่พระมารดาผู้ทรงครรภ์เป็นอันมาก โดยกล่าวว่าในเวลาใกล้ประสูติ แม้พระมารดาของท่านจะได้รับทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า แต่ยังมีสติที่ดี จึงขอให้พระสวามีไปกราบบังคมทูลขอพร จากพระบรมศาสดา
ในการครั้งนี้ พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสประทานพรแก่พระนางว่า “ขอพระนางสุปปวาสา พระราชธิดาแห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ จงเป็นหญิงมีความสุข ปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชโอรสผู้หาโรคมิได้เถิด”
ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพของพระพุทธองค์ผู้เป็นใหญ่ทั้ง 3 โลก ทำให้ความทุกขเวทนาของพระนางก็อันตรธานหายไป พระนาง ก็ได้ประสูติพระราชโอรสอย่างง่ายดาย ดุจน้ำไหลออกจากหม้อ และกุมารน้อยจึงได้รับพระนามว่า “สีวลีกุมาร” นับแต่นั้นเป็นต้นมา และเมื่อพระนางมีพระวรกายแข็งแรงดีแล้ว มีพระประสงค์ที่จะถวายมหาทานติดต่อกันเป็น เวลา 7 วัน ในวันถวายมหาทานนั้น สีวลีกุมาร มีพระวรกายเข้มแข็งดุจกุมารผู้มีพระชนม์ 7 พรรษา ได้ช่วยพระบิดาและพระมารดาจัดแจงกิจต่างๆ ซึ่งท่านพระสารีบุตรเถระได้สังเกตดูอยู่ตลอดเวลา จึงเกิดความรู้สึกพอใจในพระราชกุมารน้อย และครั้นถึงวันที่ 7 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ท่านจึงได้ชักชวน สีวลีกุมาร ออกบวช
ซึ่งในการปฏิบัติพิธีกรรมนั้น พระสารีบุตรเถระ ผู้รับภาระเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้สอนพระกรรมฐานเบื้องต้น คือ ตจปัญจกกรรมฐานทั้ง 5 ได้แก่ เกสา(ผม) โลมา(ขน) นขา(เล็บ) ทันตา(ฟัน) ตโจ (หนัง) ให้ พิจารณาของทั้ง 5 เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งาม เป็นของสกปรก ไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหล
เมื่อสีวลีกุมาร ได้สดับพระกรรมฐานนั้นแล้วนำไปพิจารณาในขณะที่กำลังจรดมีดโกนเพื่อ โกนผม ครั้งแรกนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน จรดมีดโกนลงครั้งที่ 2ท่านได้บรรลุเป็น พระสกทาคามี จรดมีดโกนลงครั้งที่ 3 ท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามี และเมื่อโกนผมเสร็จ ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ทั้งที่อายุยังน้อย!
ในครั้งใดก็ตาม หากท่านร่วมคณะเผยแพร่ธรรมไปกับคณะองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะพบว่ามีผู้ทำบุญถวายปัจจัยอย่างไม่ขาด ทั้งภัตตาหาร และที่พักอาศัย แม้จะออกเผยแพร่ธรรมในเป็นดินแดนห่างไกล ยากไร้ แห้งแล้ง กันดารเพียงใดก็ตาม
ด้วยบุญบารมีของพระสีวลีนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะตัวท่านเอง แต่ยังได้เผื่อแผ่ไปยังพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมทั้งสงฆ์สาวกท่านอื่นๆ ให้ได้รับปัจจัยอย่างทั่วถึง
ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์ จึงทรงประกาศให้ปรากฏในหมู่พุทธบริษัทตรัสยกย่องท่านใน ตำแหน่ง เอคทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทาง “ผู้มีลาภมาก”
จึงเป็นที่มาของความศรัทธาที่ว่า ท่านทรงเป็นพระภิกษุสงฆ์แห่งโชคลาภ และความสมบูรณ์มั่งคั่งที่ไม่เคยขาด และ ความศรัทธานี้ก็ยังคงปรากฏอย่างเด่นชัด สืบทอดมาจนปัจจุบันนี้ หากผู้ใดบูชาพระสิวลีอย่างถูกต้อง ก็จะพบความร่ำรวยอย่างรวดเร็ว และมีกินมีใช้ไม่ขาด
ซึ่งความศรัทธานี้ ได้สืบเนื่องมาจนปัจจุบัน ทำให้มีผู้ที่ทำธุรกิจการค้า หรือต้องการประสบความสำเร็จโดยเร็วในด้านเมตตามหานิยม หรือโชคลาภ สรรเสริญจึงบูชาพระสีวลีไม่ได้ขาด
* ตัดตอนมาจากเว็บไซต์ https://torthammarak.wordpress.com/2013/07/03/การบูชา-พระสีวลี-เพื่อ/