พระเดชพระคุณพระครูวิบูลโพธิธรรม หรือศิษยานุศิษย์เรียกท่านว่า หลวงปู่น่วม แห่งวัดโพธิ์ศรีเจริญ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี พระผู้มักน้อยสันโดษ และบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่เป็นนิจ ท่านมีเมตตาที่จะประกอบพิธีเป่ายันต์พระสีวลี เพื่อเป็นสิริมงคลแก่สาธุชนทั่วไป luangpunuam 6x4

luangpunuam 001

การประกอบพิธีเสริมมงคลเสริมโชคลาภจะบังเกิดขึ้นนั้น อยู่ที่ผู้เป็นประธานพิธีมีศีลบริสุทธิ์ บำเพ็ญจิตตภาวนาเกิดภาวะนิ่งภายในจิตวิญญาณจนเกิดพลังจิตสูง เมื่อประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ย่อมจะสัมฤทธิผลสูง พิธีเป่ายันต์พระสีวลีครั้งนี้ หลวงปู่น่วมได้ขอบารมีแห่งพระอรหันต์สีวลี พระอรหันต์ผู้เลิศด้วยลาภ เพื่อให้เกิดพลังแห่งความสำเร็จแห่งโชคลาภ ทำมาค้าขายขึ้นมาเสริมเป็นพลังตบะเดชะด้วย

luangpunuam 002
พิธีเป่ายันต์พระสีวลี ของหลวงปู่น่วม วัดโพธิ์ศรีเจริญ มีขึ้น ณ อุโบสถของวัดโพธิ์ศรีเจริญ ในวันที่ ๑-๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ พิธีเริ่มตั้งแต่ ๘.๐๐ น.เป็นต้นไป

watphosricharoen 001

สำหรับผู้สนใจจะไปร่วมเข้าพิธีเป่ายันต์พระสีวลี เพื่อเสริมพลังแห่งลาภ ทำมาค้าขึ้น ติดต่อได้ที่พระใบฎีกาบุญเลียบ ฐิติสาโร วัดโพธิ์ศรีเจริญ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี โทร. 087-165-5435

 

ประวัติการเป่ายันต์พระสีวลี

     หลวงปู่น่วม นอกจากเลื่องชื่อเรื่องคงกระพันชาตรี สยบอาถรรพ์ทั้งปวงแล้ว เรื่องยอดวิชาแห่งโชคลาภตามตำรับโบราณ ท่านก็เชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง หลวงปู่น่วมท่านได้สืบสานวิชาพระสีวลีใหญ่ไว้ ท่านว่าวิชานี้ผู้ที่ได้ไว้ก็เหมือนกับได้แก้วสารพัดนึก จะอุดมลาภอย่างที่สุด เพราะวิชานี้เป็นการอารธนาบารมีพระสีวลี ผู้มากด้วยโชคลาภ

     ในสมัยพุทธกาลนั้น เล่าถึงประวัติพระสีวลีว่า ท่านเป็นผู้ที่มีบุญญาธิการมาเกิด มีปาฏิหาริย์ทางอุดมลาภมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา คือเมื่อมารดาเริ่มตั้งครรภ์ขึ้น จะหยิบจับสิ่งใดก็มีแต่เพิ่มพูน เช่น ตวงข้าว แทนที่ข้าวจะลดจำนวนลงไป แต่กลับเพิ่มมากขึ้น เป็นที่น่าอัศจรรย์ เงินทองภายในบ้านก็มากขึ้นตามลำดับ จนเป็นที่กล่าวขวัญของผู้คน

     พระสีวลี ท่านอยู่ในครรภ์มารดานานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน จึงคลอดออกมา ครั้นคลอดมาแล้ว พระสารีบุตรได้มาโปรดถึงบ้าน พระสิวลี เมื่อได้ฟังธรรมจากพระสารีบุตรก็บังเกิดศรัทธา พระสารีบุตรให้บรรพชาเป็นสามเณร ครั้นโกนผมเสร็จ ปรากฏว่าพระสิวลีก็บรรลุพระอรหันต์ทันที จึงนับว่าท่านเป็นผู้ที่มีบุญญาธิการสูงสุดท่านหนึ่ง

     พระพุทธองค์ได้ทดลองบารมีพระสีวลี ว่าเลิศทางโชคลาภอยู่ถึง ๗ ครั้ง โดยการธุดงค์ไปที่ทุรกันดาร ๗ แห่ง  พร้อมด้วยหมู่สงฆ์จำนวนนับร้อย ทุกครั้งที่ไป เมื่อพระสิวลีไปด้วย ปรากฏว่าไม่มีสักครั้งที่จะขาดแคลนเรื่องอาหาร เป็นที่น่าอัศจรรย์แก่หมู่สงฆ์ จนพระพุทธองค์ได้ตั้งให้พระสิวลีเป็นผู้เลิศทางโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์  เป็นหนึ่งในแปดสิบพระสาวกผู้ทรงคุณวิเศษอันเลิศ ที่พระพุทธองค์ทรงยกย่อง

     ด้วยอิทธิคุณอันวิเศษของพระสิวลีเจ้า ดังกล่าวมาแล้วนี้ ครูบาอาจารย์แต่โบราณจึงนิยมยกย่องบูชาพระสีวลีท่านเป็นพิเศษ มีทั้งคาถา พระยันต์และเคล็ดวิชาต่าง ๆ มากมาย ในอดีตพระเถระที่สำเร็จวิชาสายพระสิวลีที่โด่งดังก็ได้แก่ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง จังหวัดนนทบุรี , หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม จังหวัดชัยนาท เป็นต้น ผู้ที่บูชาพระสิวลีมักจะได้โชคลาภอยู่เป็นนิจ มีโชคดีเหนือกว่าผู้อื่น มีความอุดมสมบูรณ์ เรื่องอดอยากไม่มี ทั้งยังแคล้วคลาดปลอดภัยเป็นที่อัศจรรย์ มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุขอยู่เสมอ

     ด้วยคุณแห่งพระสิวลีมีมากมายดังนี้ หลวงปู่น่วม ท่านจึงนิยมบูชาพระสีวลีและสนใจในเรื่องของคาถา พระเวทพระยันต์ที่เนื่องในสายบารมีแห่งพระสิวลีเป็นพิเศษ หนึ่งในสายวิชาด้านพระสิวลีนี้พบว่า การทำยันต์พระสิวลีมีด้วยกันหลายพระยันต์ เช่นพระสิวลีแปดโค้ง (แปดทิศ) ธงยันต์พระสิวลี พระสิวลีจกบาตร เป็นต้น แต่ยังมีอยู่ยันต์หนึ่งที่ทำขึ้นเป็นผ้ายันต์ก็ดี ตะกรุดก็ดี ถือว่าขลังมาก เรียกว่า ยันต์พระสิวลีใหญ่ ยันต์นี้แต่เดิมเป็นพระยันต์ที่อยู่ในตำราของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ กรุ่งเก่า หรือจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

     ในปัจจุบัน พระยันต์สิวลี ใหญ่นี้ท่านว่ามีคุณทางเมตตามหาลาภมากที่สุด มีอานุภาพสูงส่งมาก การทำยันต์นี้มักทำลงในผืนผ้า เป็นผ้ายันต์สำหรับติดบูชาที่บ้าน ทำเป็นตะกรุดสำหรับบูชาหรือพกติดตัวไปทำมาค้าขายก็จะเจริญในหน้าที่การงาน ค้าขายได้กำไรดีเป็นพิเศษ หรือประจุลงในองค์พระ ให้ผลทางมหาโชคมหาลาภ เป็นอันดับหนึ่ง ที่พิเศษคือ การเป่ายันต์เข้าที่ตัวคน เหมือนการลงนะหน้าทอง หรือการเป่ายันต์เกราะเพชร ซึ่งพระเถราจารย์ที่จะทำได้นั้นต้องได้ฌานสมาธิขั้นสูง มีจิตแน่วแน่ มีพรหมวิหารสี่สูงมาก ผ่านการภาวนาทางด้านกสิณมาแล้วอย่างช่ำชอง

     วิธีการเป่ายันต์พระสิวลีใหญ่นั้น ต้องเลือกวันที่เป็นสิริมงคลในปีนั้น ๆ เป็นเกณฑ์ เมื่อจะทำพิธีต้องปริมณฑลพิธีด้วยสายสิญจน์ กำหนดเขตพื้นที่ มีบายศรีซ้ายขวา เครื่องกระยาบวด มียันต์พระสิวลีใหญ่บูชาเหนือแท่นประรำพิธี สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัด การเป่ายันต์พระสิวลีใหญ่นั้น ให้ทุกคนที่ร่วมพิธีสมาทานศีล ๕ ชำระความบริสุทธิ์ของตัวเอง แล้วกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยพร้อมกัน จากนั้นให้ทุกคนนั่งภาวนาคาถาหัวใจพระสิวลี โดยว่า "นะชาลีติ" ขณะนั้นให้มองมาที่ยันต์พระสิวลีใหญ่ ให้พอจำได้ แล้วค่อยหลับตาเจริญภาวนาคาถาหัวใจพระสิวลีเรื่อยไป ครูบาอาจารย์ที่ทำพิธีจึงเข้าสมาธิแล้วอธิษฐานจิต เป่ายันต์ลงสู่กายของบุคคลนั้น เป็นอันเสร็จพิธี

luangpunuam 003

     ในขณะที่เป่ายันต์พระสิวลีใหญ่ หากใครก็ตามที่มีสิ่งอัปมงคลในร่างกาย เช่น คุณไสยมนต์ดำ วิญญาณ เจ้ากรรมนายเวร คนผู้นั้นจะมีอาการแสดงออกมาให้เห็นทันที เพราะทานแรงของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระอริยสังฆคุณ ไม่ได้ ไม่สามารถต้านแรงพลังบารมีแห่งพระสิวลีได้ ต้องถอยออกจากร่างคนนั้นในทันที ครูบาอาจารย์จะทำน้ำมนต์พรมให้ผู้นั้น ถือว่าการเป่ายันต์พระสิวลีใหญ่นั้น เป็นทั้งโชคลาภและล้างอาถรรพ์มนต์ดำไปในตัว

     อิทธิคุณพลังจากการเป่ายันต์พระสิวลีใหญ่นี้ ถือว่าเป็นยอดแห่งการสลายพลังงานลบ ที่ทำให้การงานติดขัดด้วย ลดแรงเวรแรงกรรม ที่ทำให้เกิดอุปสรรคในชีวิตด้านต่าง ๆ ที่สำคัญคือผู้ที่เข้าพิธีนั้น ต้องทำจิตใจให้ศรัทธาแน่วแน่ ในคุณพระรัตนตรัย เมื่อมีความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่แล้ว จะเกิดพลังงานลี้ลับในร่างกาย ที่จะประสานกับพระพุทธบารมี และพลังงานจากเทพยดา ที่คอยส่งแรงพลังช่วยเหลืออย่างเร้นลับ พลังใจจากผู้ศรัทธา เมื่อประสานกับพลังงานภายนอกที่เป็นพลังงานดี พลังงานบวกแล้ว ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างปาฏิหาริย์ให้แก่บุคคลนั้น

     สำหรับผู้ที่ผ่านการเป่ายันต์พระสิวลีใหญ่ไปแล้ว เมื่อไปสวดมนต์ไหว้พระบูชาพระยันต์พระสิวลีใหญ่ มีข้อปฏิบัติว่า ผู้นั้นต้องสวดคาถาท่องบูชาคุณพระสิวลี และต้องเพ่งพระยันต์นั้นให้ติดตาเป็นอารมณ์ในใจเสมอๆ ก็จะยิ่งบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ เพราะใช้หลักที่ว่า เมื่อจิตใจนั้นติดตามจดจ่อในพระยันต์อันศักดิ์สิทธิ์ ภาวนาถึงอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ของพระสิวลีอยู่เสมอๆ จิตใจก็จะบังเกิดพลังทิพย์เข้าถึงบารมีแห่งพระสิวลี เมื่อใจเป็นทิพย์แล้ว ต่อไปทำการงานใดก็จะสำเร็จด้วยทิพยอำนาจนั่นอง

     เรื่องของพลังทางจิต อำนาจทางสมาธินี้เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นได้ด้วยตนเอง แต่ต้องอาศัยระยะเวลาในการฝึกฝนจดจำอารมณ์แห่งสมาธิให้ช่ำชอง การมองพระยันต์จนจำได้เป็นอารมณ์ทางใจ การท่องพระคาถาบูชาพระสิวลีเพื่อไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน ก่อเกิดเป็นสมาธิขึ้นมา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกรรมวิธีในการสร้างพลังทิพย์ขึ้นมาภายในกายทั้งสิ้น การเป่าพระยันต์พระสิวลีใหญ่ลงในกายของผู้ศรัทธา ก็เพื่อกระตุ้นให้บุคคลทั้งหลายเกิดความตื่นรู้ เกิดพุทธะขึ้นมาภายในใจ เกิดแรงกายแรงใจขึ้นมา ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธคุณ ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่มีโอกาสเป่าพระยันต์พระสิวลีใหญ่กับหลวงปู่น่วม แล้วนำหลักวิชาไปปฏิบัติ เพื่อเสริมวาสนาบารมีให้กับตนเอง  บุคคลนั้นก็จะได้รับความอัศจรรย์จากวิชาพระสิวลีใหญ่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นตามลำดับ

ประวัติหลวงปู่น่วม

หลวงปู่น่วม ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ วัดโพธิ์ศรีเจริญ ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์  จังหวัดสุพรรณบุรี

ประวัติ
พระครูวิบูลโพธิธรรม (น่วม นาถสีดล) วัดโพธิ์ศรีเจริญ ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์  จังหวัดสุพรรณบุรี

ชาติภูมิ
หลวงปู่น่วม เกิดวันอาทิตย์ ปีจอ พ.ศ. ๒๔๖๔ ณ บ้านดงตาป้อม ตำบลบ้านไร่ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรคนที่ 5 ของนายแหยม – นางแก้ว ผิวแดง มีพี่น้องร่วมอุทร ๘ คน

ชีวิตในวัยเด็ก
ฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน จำเป็นต้องช่วยทางบ้านทำนา จนอายุประมาณ ๑๔-๑๕ ปี ได้ไปเรียนกับหลวงลุงก่ำวัดประตูสาร ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เรียนทั้งภาษาไทย และภาษาขอม ในวัยเด็กนั้นเอง หลวงปู่น่วมก็ได้สนใจศึกษาวิปัสสนากรรมฐานเรื่อยมา แต่เมื่ออายุ ๑๖ ปี โยมพ่อก็ละสังขาร ทำให้การศึกษาของท่านชะงักงันไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ต้องกลับบ้านมาช่วยแม่ พี่ ๆ และน้องทำนา รุ่งขึ้นอีก ๑ ปี แม่ก็ละสังขารตามพ่อไป จึงทำให้ท่านต้องเป็นคนต่อสู่กับชีวิตมากมาย

อุปสมบทครั้งที่ ๑
เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี ก็ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดบ้านกร่าง ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี

  • พระเมธีธรรมสาร (หลวงพ่อไสว) วัดบ้านกร่าง เป็นพระอุปัชฌาย์
  • พระปลัดทวี วัดบ้านกร่าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์
  • พระใบกีกาสวง วัดบ้านกร่าง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เมื่อหลวงปู่น่วมอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน ณ วัดโพธิ์ศรีเจริญ กับหลวงพ่อโต ปุญญสิริ เป็นเวลา ๒ พรรษา ในพรรษาแรกหลวงปู่ก็ได้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่น่วม ได้ไปศึกษาวิชาวิปัสสนากรรมฐานกับพระอาจารย์หลายท่าน

  • หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี
  • หลวงพ่อแขก วัดหัวเขา อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี
  • หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
  • หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
  • หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

หลวงปู่น่วมได้ศึกษาวิชาจากหลวงพ่อโต และครูก้าน ซึ่งเป็นคนต่างถิ่นมาพำนักอยู่บ้านดงตาป้อม (โพธิ์ศรีเจริญ) มีภรรยา ชื่อ นางอิน

อุปสมบทครั้งที่ ๒
    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐ อายุ ๕๖ ปี หลวงปู่น่วมได้หวนเข้าสู่ใต้ร่มผ้ากาสาวพัสตร์อีกครั้ง เนื่องจากป่วย จึงบนตัวบวช และประกอบกับความปรารถนาอันแรงกล้า ในพระพุทธศาสนาที่มีอยู่เดิม ณ พัทสีมา วัดบ้านกร่าง ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี

  • พระครูอาภัสศีลคุณ วัดบ้านกร่าง เป็นพระอุปัชฌาย์
  • พระปลัดเสวย วัดบ้านกร่าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์
  • พระอธิการเสงี่ยม วัดโพธิ์ศรีเจริญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    หลวงปู่น่วมได้มาจำพรรษา ณ วัดโพธิ์ศรีเจริญ อารามเดิม พรรษาแรกที่บวชได้ศึกษาพระธรรมวินัย และวิชาวิปัสสนากรรมฐานอย่างเคร่งครัด จนได้รับฐานานุกรมเป็น พระปลัดน่วม นาคสีดล เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีเจริญ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครูวิบูลโพธิธรรม ต่อมาเมื่อหลวงปู่ท่านอายุ ๘๐ พรรษา เห็นว่าชราภาพและอาพาธบ่อย จึงขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสและจำพรรษาอยู่อารามเดิม

ชีวิตนักพัฒนา
ตลอดเวลาที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์ศรีเจริญนี้ ท่านได้เป็นประธานเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ที่เลื่อมใสศรัทธาในบวรพุทธศาสนา ร่วมกันสร้างถาวรวัตถุดังนี้

  1. ศาลาการเปรียญและโรงครัว
  2. ซ่อมแซมต่อเติมเมรุ
  3. สร้างกุฏิและหอสวทมนต์
  4. เทพื้นคอนกรีตเหล็กลานวัด
  5. บูรณะซ่อมแซม และตกแต่งอุโบสถ
  6. สร้างฐานพระประธานและปูกระเบื้องพื้นอุโบสถ
  7. ซื้อที่ดินด้านเหนือของวัด ๔ ไร่ ๒ งาน
  8. ซื้อที่ดินด้านใต้ศาลาการเปรียญ ๑ งานเศษ
  9. สร้างศาลตาเจ้าวัด (ศาลตาสง)
  10. สร้างกำแพงแก้ว
  11. สร้างนอกชานหอฉัน
  12. สร้างมณฑป ๙ ยอด
  13. สร้างหอฆ้อง หอกลอง
  14. สร้างห้องน้ำ ๒ หลัง
  15. สร้างพระบรมฐานตุเจดีย์ ๙ ยอด
  16. บริจาคร่วมสร้างและซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลศรีประจันต์ อำเภอศรีประจันต์
  17. บริจาคร่วมสร้างครุภัณฑ์ทางการแพทย์โรงพยาบาลเจ้าพระยายามราช จังหวัดสุพรรณบุรี

สร้างพระและวัตถุมงคล

จากการที่ท่านได้ศึกษาพระรรมวินัย และเจริญวิปัสสนากรรมฐานจากหลวงพ่อโต ปุญญสิริ และครูก้านจนวิชาแก่กล้า ท่านจึงได้สร้างพระบูชา พระเครื่อง และวัตถุมงคลมากมาย ได้แก่

  1. พระผงสมเด็จพิมพ์ใหญ่ ยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์
  2. พระผงสมเด็จพิมพ์เล็ก ฝังตะกรุดด้านหน้า ด้านหลังปั้มใบโพธิ์
  3. พระผงสุพรรณ
  4. พระขุนแผน ๕ เหลี่ยม เนื้อผง
  5. สมเด็จผงพญางิ้วดำ
  6. พระนางพญา (ปรอท)
  7. พระปิดตาเนื้อดินเผา
  8. สมเด็จพุทธซ้อน
  9. พระเนื้อดินเผาพิมพ์ขุนแผนวัดบ้านกร่างและพิมพ์อื่น ๆ อีกมากมาย
  10. พระบูชาพิมพ์อู่ทอง เชียงแสน สุโขทัย
  11. พระบูชา รูปหล่อลอยองค์ ขนาด ๕ นิ้ว ๒ นิ้ว (รูปเหมือน)
  12. เหรียญฉลองสัญญาบัตรพัดยศ
  13. ปลัดขิก
  14. ปลากัดใหญ่ เล็ก ทำด้วยไม้กาหลง โลดทะนง พยุง โพธิ์ งาช้าง หยก มะยม รัก ขนุน ฯลฯ
  15. ตาชูชก
  16. สิงห์
  17. ผ้ายันต์
  18. ตะกรุดโทน , คู่
  19. นางกวัก
  20. น้ำเต้า
  21. ถังลงยันต์ และอื่น ๆ

อิทธิปาฏิหาริย์
    วัตถุมงคลของท่านได้มีผู้นำไปบุชาแล้วประสบผลดังนี้

  1. รับราชการเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ
  2. ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
  3. คงกระพัน
  4. เมตตามหานิยม
  5. แคล้วคลาด
  6. จึงทำให้มีผู้คนมาฝากตัวเป็นศิษยานุศิษย์ และบุตรบุญธรรมมากมาย

office hour2023

line id

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้ 149

เมื่อวานนี้ 238

สัปดาห์นี้ 906

เดือนนี้ 6837

ทั้งหมด 977271